วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557

เรือหลวงจักรีนฤเบศร

เมื่อพูดถึงกองทัพเรือ ทุกคนย่อมนึกถึงเรือหลวงจักรีนฤเบศร (HTMS Chakri Naruebet) ซึ่งจัดเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเดียวของไทย ถือเป็นเขี้ยวเล็บสำคัญของกองทัพเรือ

ก่อนอื่นมารู้จักร.ล.จักรีนฤเบศร(หมายเลข 911)กัน เรือลำนี้ต่อขึ้นที่ประเทศสเปน เข้าประจำการเมื่อปีพ.ศ. 2540 เป็นเรือที่สามารถทำภารกิจได้หลากหลาย เนื่องจากเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ สามารถเข้าถึงสถานที่ที่มีภัยพิบัตได้ และยังเป็นฐานบินลอยน้ำสามารถบรรทุกอากาศยานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และระยะทำการของเรือได้ อีกทั้งยังเป็นฐานบัญชาการของหมู่เรือในยามสงครามได้ด้วย

ปัจจุบันแม้ร.ล.จักรีนฤเบศรถูกจัดเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน แต่เนื่องจากขนาดที่ไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับเรือบรรทุกเครื่องบินของชาติอื่นๆ ทำให้เครื่องบินที่ประจำการบนเรือได้ ต้องเป็นเครื่องบินที่มีความพิเศษคือน้ำหนักไม่มาก, ขึ้น-ลงทางดิ่งได้คือเครื่องบิน AV-8S Harrier ซึ่งปัจจุบันปลดประจำการแล้ว ทำให้มีแค่เฮลิคอปเตอร์เป็นอากาศยานที่ประจำการอยู่บนเรือเท่านั้น ร.ล.จักรีนฤเบศรจึงมีหน้าที่เสมือนแค่เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ขีดความสามารถของเรือลดลงแต่อย่างใด

สำหรับการมาเยื่ยมชมร.ล.จักรีนฤเบศรนั้น เรือจะจอดอยู่ที่ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เรือจะเปิดให้ประชาชนเยี่ยมชมทุกวัน เวลา 9.00-17.00น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สำหรับคนที่มาเป็นหมู่คณะให้ทำเรื่องถึงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการก่อน

ข้อปฏิบัติอื่นๆที่ควรรู้ก่อนขึ้นเรือคือ ควรแต่งกายสุภาพ, งดสูบบุหรี่, ห้ามนำอาหารเครื่องดื่ม สัตว์เลี้ยง กล้องวิดีโอ และอาวุธทุกชนิดขึ้นเรือ, ควรชมเรือเฉพาะเส้นทางและบริเวณที่จัดไว้ และทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด (ส่วนใหญ่จะชมได้แค่ดาดฟ้ากับโรงเก็บเท่านั้น) และสุดท้ายคือไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติขึ้นเรือ

เพิ่มเติมอีกนิดนึง ผมขอบอกก่อนว่าใครที่จะขึ้นเรือ ต้องทำใจว่านี้เป็นเรือทหารไม่ใช่เรือสำราญ ไม่ได้ถูกออกแบบให้คนทุกเพศทุกวัยใช้ บันไดจะค่อนข้างชันและแคบมาก ต้องระมัดระวังในการเดิน โดยเฉพาะขาลง ผมไปมานี่เจอคณะทัวร์ที่มีคุณลุงคุณป้าเยอะมาก ทำเอาแถวยาวไปถึงดาดฟ้ากว่าจะได้ออกมา

จากนี้เป็นภาพของร.ล.จักรีนฤเบศรในมุมมองของประชาชนธรรมดา
พอดีทางเข้าอยู่ส่วนท้ายของเรือ
มองภายนอกจากโรงเก็บเครื่องบิน ที่เห็นเป็นหลุมนั้นคือบริเวณที่เป็นลิฟท์สำหรับนำอากาศยานขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ สำหรับลิฟท์ในเรือลำนี้มีอยู่ 2 จุดคือ ส่วนท้ายเรือ (ในภาพ) และ ด้านข้างเรือ
ในโรงเก็บก็จะมีเรือเล็กอยู่ 2 ลำ เป็นเรือ LCVP (Landing Craft Vehicle Personnel) เรียกง่ายๆว่าเรือระบายพล สามารถทำภารกิจยกพลขึ้นบก หรืออพยพประชาชนได้
บันไดชันๆที่ผมบอก สงสัยทหารเรือเค้าใช้วิธีสไลด์ลงมาแน่เลย
แต่มันก็ได้อีกฟิลลิ่งนึงนะ ถ้าเราขึ้นลงเร็วๆรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังสงครามตอนเรือถูกโจมตีอะไรประมาณนี้ (คิดไปเองทั้งนั้น)
ปืนกล 20 ม.ม. Rheinmetal ติดตั้งอยู่บนเรือ 4 กระบอก 
ที่เห็นกระบอกขาวๆนี้คือแพชูชีพ
มาถึงดาดฟ้าของเรือ เป็นรันเวย์สำหรับปล่อยอากาศยานขึ้นสู่ฟ้า ที่เห็นตรงปลายสุดรันเวย์จะเชิดขึ้นเพื่อให้เครื่องบิน AV-8S Harrier สามารถบินขึ้นได้ด้วยกำลังตัวเอง เนื่องจากระบบของเรือไม่ได้ใช้การดีดเพื่อช่วยให้เครื่องบิน Take off ด้วยระยะทางสั้นได้เหมือนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ
อยู่บนนี้ไม่ต้องกลัวตกทะเล เพราะมีตาข่ายอยู่รอบดาดฟ้า
ส่วนที่เห็นยื่นออกมาก็คือหอบังคับการบินของเรือนั้นเอง ทำหน้าที่ควบคุมการขึ้น-ลงของอากาศยานต่างๆ
ส่วนหน้าก็คือสะพานเดินเรือ
ถึงแม้เรือจะจอดเทียบท่า แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารทำงานอยู่ตลอด
เห็นได้ว่าประชาชนยังมาเยี่ยมชมเรือแบบไม่ขาดสาย
ภาพนี้ถ่ายที่ปลายสุดของดาดฟ้าด้านหน้า ที่เห็นนี้คือเรือฟริเกต 2 ลำคือ
ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (461) และ 
ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย (462)

ผมก็ขอถ่ายภาพที่ระลึกนิดนึง
วิวจากบนดาดฟ้าเรือ
ช่วงที่ให้ประชาชนเยี่ยมชมจะไม่มีเฮลิคอปเตอร์ประจำการอยู่ ดาดฟ้าและโรงเก็บจึงโล่ง
ปืนกล Rheinmetal อีกกระบอก พอดีตอนนั้นฝนตกปรอยๆ ทหารจึงเอาผ้ามาคลุมปืนไว้
อีกเขี้ยวเล็บนึงของเรือลำนี้คือ อาวุธนำวิถีป้องกันตัวเองระยะประชิดแบบ Mistral เป็นอาวุธต่อสู้อากาศยานที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้ป้องกันเรือจากภัยทางอากาศ
ประตูบนเรือ
เจ้าหน้าที่ทหารกำลังดูดฝุ่นดาดฟ้าอยู่ เป็นอีกหน้าที่ที่สำคัญเพราะต้องไม่ให้มีเศษวัตถุที่อาจทำให้อากาศยานเสียหายได้
เปลี่ยนมุมบ้าง
เค้าเรียกรถคนนี้ว่า Crash Crane ใช้ผลักหรือดันอากาศยานบนดาดฟ้าให้ตกทะเล กรณีไม่สามารถควบคุมเพลิงได้
ทางไปยังทางออก
ทางเดินข้างเรือ
ธงราชนาวีท้ายเรือ
ภาพใกล้ๆของอาวุธนำวิถี Mistral
วันที่ผมไปชมเรือมาพอดีมีเรือของสหรัฐอเมริกาเพิ่งมาจอดเทียบท่าได้ไม่นาน ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเรือของชาติใด(แต่รู้ว่าไม่ใช่เรือของไทยเพราะร.ล.จักรีนฤเบศรใหญ่ที่สุดของไทย แต่เรือลำนี้ใหญ่กว่าอีก) ตอนเรามาเห็นรถบัสจอดอยู่หลายคัน แล้วมาฝรั่งต่างชาติลงมาจากเรือแต่ไม่ได้แต่งชุดทหาร คงมาพักผ่อนอะไรประมาณนี้ พอดีผมเห็นนายทหารผู้หญิง และนายทหารผิวดำแต่งชุดทหารเรือสหรัฐ เลยรู้ว่าเรือลำนี้ของสหรัฐ

ผมหาข้อมูลภายหลังเลยรู้ว่าเรือลำนี้คือเรือ USS Frank Cable (AS-40) เป็นเรือสนับสนุนเรือดำน้ำ (Submarine tender) มีหน้าที่สนับสนุนการส่งกำลังเสบียง และซ่อมบำรุงเรือดำน้ำ ประจำการอยู่ที่เกาะกวม
ป้ายก็บอกว่าเขตหวงห้าม ภาพจึงมีอยู่ไม่กี่มุม
อีกมุมนึง ถ่ายบนดาดฟ้าร.ล.จักรีนฤเบศร
ระหว่างนั้นก็เห็นทหารเรือสหรัฐบนเรือ
แอบถ่ายใกล้ๆ เค้ามองอะไรไม่รู้นานมาก
ภาพสุดท้ายให้เห็นว่าเรือลำนี้ใหญ่มาก
กลับไปยังหน้า Thailand (เที่ยวในไทย)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น