วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองคนเดียว วันที่ 6 เกาะกระต่ายอันลึกลับ



วันที่ 6 เกาะกระต่ายอันลึกลับ
เป็นวันที่ต้องตื่นเช้าที่สุดในทริปนี้เลย ตั้งนาฬิกาปลุกเวลา 4.30น. ออกจากโรงแรมประมาณ 5.20น. บอกเลยว่าง่วงมากๆๆๆๆ

เวลานี้ตอนแรกคิดว่าข้างนอกจะมืด แต่ที่ไหนได้...สว่างแล้ว เหมือนหกโมงครึ่งประเทศไทย ต่างที่อากาศเย็นกว่า

ทำไมต้องตื่นเช้า เพราะจุดหมายวันนี้อยู่ไกลจากโอซาก้าหลายร้อยกิโลเมตร

เหตุผลของการเลือกสถานที่ในวันนี้ เกิดจากความเบื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ตามโปรแกรมทัวร์ทั่วไป ถ้าสังเกตมาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงญี่ปุ่น ผมจะเที่ยวแต่สถานที่ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผมเลยต้องหาสถานที่แปลกๆ ให้เป็นเอกลักษณ์สำหรับทริปนี้ โดยมีโจทย์คือ
1. คนไทย(หรือคนญี่ปุ่น)ไม่ค่อยรู้จัก
2. เดินทางไม่ง่าย แต่สามารถเดินทางไปกลับได้ภายใน 1 วัน
3. สถานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนที่ไหนในโลก

สถานที่ที่เลือกคือเกาะโอคุโนะชิม่า (Okunoshima) หรือเกาะกระต่าย จังหวัดฮิโรชิม่า ซึ่งค่อนข้างตอบโจทย์ที่ตั้งพอสมควร ถามว่าจะมีใครซักกี่คนที่ยอมมาเกาะเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แค่ชื่อก็ยังไม่คุ้นเลย ส่วนตัวผมเป็นคนชอบกระต่ายด้วย ตัวมันกลมๆเงียบๆ น่ารักดี ><

สำหรับแผนการเดินทางต้องบอกเลยว่าผมศึกษานานมาก เพราะเส้นทางมีอุปสรรคเรื่องของเวลาเดินทางที่นานพอสมควร พลาดนิดเดียวอาจทำให้เสียเวลาไปหลายชั่วโมง แต่ผมก็ทำได้สมบูรณ์ตามแผน 99% ใครอยากทำตามก็อ่านให้จบ

มาเข้าเรื่องดีกว่า...เมื่อกี้กำลังออกจากโรงแรมตอน 5.20น. เพื่อไปยังสถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ตอนแรกว่าจะเดินไปให้ถึงสถานีเลย แต่ผมกลัวช้าเกินไป เลยใช้รถไฟ Subway สาย Midosuji ที่สถานี Nishinakajiuma Minamigata ใกล้ๆโรงแรม ในการเดินทางเพียง 1 สถานีเท่านั้น

สิ่งของที่ได้เตรียมไปนอกจากอุปกรณ์ถ่ายภาพกับเสบียงตัวเองแล้ว ต้องมีเสบียงให้น้องกระต่ายด้วย ไม่ใช่อะไรอย่างอื่นนอกจากแครอทที่ซื้อมาเมื่อวานจากร้านขายผักใกล้ๆโรงแรมนี่เอง 

เพราะว่าบนเกาะไม่มีขายอาหารกระต่ายนะ

การเดินทางเริ่มด้วยการขึ้นรถไฟชินคันเซ็น Hikari 441 ออกจากสถานีชินโอซาก้าเวลา 6.03น. ไปลงที่สถานีมิฮาระ (Mihara) เวลา 7.33น. ซึ่งเป็นการเดินทางที่เร็วสุดจากชินโอซาก้าไปมิฮาระ เพราะสถานีมิฮาระเป็นสถานีเล็ก ทำให้ชินคันเซ็นที่จอดส่วนใหญ่เป็น Kodama (รถธรรมดา) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม.ครึ่ง ทำให้มีแค่ขบวน Hikari 441 ที่เดินทางเร็วกว่า Kodama 1 ชม.

เนื่องจากผมมีบัตร Japan Rail Pass เลยจองที่นั่งชินคันเซ็นเที่ยวไป-กลับไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่สำหรับใครที่เดินทางเช้าๆ การจองที่นั่งไม่จำเป็นก็ได้ เพราะคนน้อยมากๆ
เมื่อมาถึงสถานีมิฮาระ เราต้องรอขบวนรถท้องถิ่นสาย JR Kure (อ่านว่าคุเระ) ซึ่งมีชั่วโมงละขบวน พลาดทีรอกันนานเลย โดยต้องย้ายจากชานชาลาชินคันเซ็นไปที่ชานชาลารถไฟธรรมดา
เอกลักษณ์ของป้ายสถานีรถไฟของสาย JR Kure คือจะมีสัญลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของสถานที่นั้นๆ
เมื่อต้องรอรถไฟเที่ยว 8.25น. ที่สถานีมิฮาระ ผมก็เดินเข้าห้องรอรถไฟที่อยู่บนชานชาลา คือสถานีรถไฟญี่ปุ่นจะมีห้องรอรถไฟติดแอร์ที่ชานชาลาสำหรับนั่งรอเย็นๆในหน้าร้อน หรืออุ่นๆในหน้าหนาว ตอนนี้ก็มีเวลานอนพักอีกนิดนึง แต่ก็ต้องดูนาฬิกาตลอด ถ้าไม่อยากตกรถไฟ


แล้วรถไฟก็มา...เราต้องนั่งอีก 25 นาทีเพื่อไปลงที่สถานีทาดะโนะอุมิ (Tadanoumi) แนะนำว่าให้นั่งฝั่งซ้าย เพราะจะได้เห็นวิวทะเลกับเกาะมากมาย สวยเลยทีเดียว
เสริมอีกนิด ทะเลที่เห็นเรียกว่า Seto Inland Sea เป็นทะเลที่อยู่ระหว่างเกาะฮอนชู กับเกาะชิโกะกุ ทะเลส่วนนี้จึงแยกจากมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้มีลักษณะคล้ายๆทะเลสาบ หรือเขื่อนขนาดใหญ่ที่ภูเขาล้อม และมีเกาะเล็ก เกาะน้อยอยู่ตลอดทาง

วิธีการใช้รถไฟสาย JR Kure ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าต้องซื้อตั๋วอย่างไร เพราะผมใช้ Japan Rail Pass เลยเข้าออกประตูได้ตลอด แต่ที่มาบอกตรงนี้ก็เพราะว่าสถานีทาดะโนะอุมิเป็นสถานีขนาดเล็ก บ้านนอกๆประตูอัตโนมัตไม่มี มีแค่ทางผ่านห้องพนักงานกับเครื่องอ่านบัตร ICOCA (IC Card ของทางคันไซ) ใครที่เดินทางด้วยวิธีธรรมดา ควรเช็คดูให้ดีก่อน
จุดเด่นของสถานนีทาดะโนะอุมิคือกระต่ายแน่นอน
ตารางรถไฟที่สถานีทาดะโนะอุมิ
ยังไม่จบ....ออกจากสถานีทาดะโนะอุมิต้องเลี้ยวซ้าย (เลี้ยวขวาจะเจอแฟมิลี่มาร์ท สำหรับใครที่ยังมีเสบียงไม่พอแถมยังมีอาหารกระต่ายขายด้วย) ต้องข้ามทางรถไฟ จะเจอห้องขายตั๋วเรือเฟอร์รี่ ผมก็ซื้อตั๋วราคา 620 สำหรับไปกลับ โดยจะได้ตั๋ว 310 เยน/เที่ยว จำนวน 2 ใบ และซื้ออาหารกระต่ายเม็ดอีก 1 ถุง 100 เยน
ตอนนั้นรถไฟที่ให้บริการเส้นทางนี้เป็นรุ่นเก่า แต่ปัจจุบันเริ่มนำรถรุ่นใหม่มาใช้บ้างแล้ว
เรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะโอคุโนะชิม่ามีให้บริการทุกๆชั่วโมงละ 2 เที่ยวโดยประมาณ ใช้เวลาเดินทาง 12 นาที เที่ยวเรือที่ผมได้คือเที่ยว 9.30น.  โดยเราต้องต่อแถวรอเรือที่ท่า ก่อนเข้าต้องยื่นตั๋ว 310 เยนให้เจ้าหน้าที่ใบเดียว

ย้ำว่าใบเดียว!เพราะต้องมีอีกใบสำหรับเที่ยวกลับ แล้วบนเกาะไม่มีตั๋วขายนะ
 
ตารางเรือเฟอร์รี่

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ 95% คือคนญี่ปุ่นที่พาครอบครัวมาเที่ยว ชาวต่างชาติก็จะเป็นตะวันตกมากกว่า และถึงแม้เป็นเรือเฟอร์รี่ก็มีไม่กี่คนที่นำรถมา เพราะบนเกาะไม่ให้ขับรถ

ใครที่กังวลเรื่องภาษาญี่ปุ่นไม่แข็ง มาที่นี่ไม่ต้องห่วง เพราะป้ายส่วนใหญ่มีภาษาอังกฤษอธิบายชัดเจน

ตารางของรถไฟ JR Kure + เรือเฟอร์รี่
ถ้าโชคดีเมื่อมาถึงเกาะจะมีน้องกระต่ายมารอรับถึงท่าเรือเลย แต่ผมยังไม่เห็นซักตัว
ทุกๆครั้งที่มีเรือเข้ามาจะมีรถบัสฟรีของโรงแรมมาคอยรับแขกของโรงแรม เราก็เนียนเข้าฟรีได้ ผมก็ขึ้นรถบัสไป ระหว่างทางก็เริ่มเห็นน้องกระต่ายเต็มไปหมด เด็กๆในรถก็ตื่นเต้นไปด้วย

โรงแรม Kyukamura OHKUNOSHIMA เป็นโรงแรมที่ให้พักอาศัยแห่งเดียวบนเกาะนี้ เพราะประชากรคนบนเกาะนี้คือ 0 แล้วที่มีมากสุดก็แน่นอน.....กระต่ายนั้นเอง
กระต่ายที่นี่ดูแต่ละตัวค่อนข้างคุ้นชินกับคนดี ถ้าใครอยากสัมผัสใกล้ๆ ต้องมีอาหารมาล่อนะ
เทคนิคที่ผมใช้ล่อกระต่ายคือ เอาอาหารใส่ในถุงพลาสติด เขย่าให้เกิดเสียง กระต่ายที่ได้ยินก็จะวิ่งเข้ามาล้อมเราเอง (อาจจะไม่ถึงกับมาเป็นฝูง แต่ก็หลายตัวอยู่)
กระต่ายบางตัวก็ซ่าใช่ย่อย ผมมีแครอทแค่ 5 ชิ้นที่ไม่ได้หั่นแบ่งด้วย กะว่าชิ้นนึงกินหลายๆตัว แรกๆก็ได้ผลถ้าเราจับแครอทอยู่ พอปล่อยมือเท่านั้นแหละ.........
กระต่ายผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้ครอบครองแครอทชิ้นนี้ แล้วคาบแครอทวิ่งเข้าพุ่มไม้เลย

ถ้าอยากอยู่กับกระต่ายนานๆ แนะนำให้บริหารทรัพยากรอาหารกระต่ายให้ดี
นอกจากการเล่นกับกระต่าย ก็มีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำ เช่น  ปั่นจักรยานชมรอบเกาะ และพิพิธภัณฑ์แก๊สพิษ

ใช่แล้ว....

พิพิธภัณฑ์แก๊สพิษ

มันเกี่ยวอะไรกัน

เมื่อกี้เห็นด้านมุ้งมิ้งของเกาะแล้ว คราวนี้แหละ มาเห็นด้านมืดของเกาะบ้าง

ที่มากระต่ายบนเกาะที่มีมากมายหลายร้อยตัวนั้น มีตำนานเล่าอยู่ 2 เรื่องคือ 

  1. มีกลุ่มเด็กประถมมาปล่อยกระต่ายชุดหนึ่งไว้บนเกาะนี้ เมื่อประมาณราวๆยุค 70 และเนื่องจากเกาะนี้ไม่มีผู้ล่าตามธรรมชาติ ทำให้กระต่ายขยายรวดพันธุ์เร็ว จนปัจจุบันมีกระต่ายลูกหลานมากมายเต็มเกาะ
  2. ย้อนไปสมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะโอคุโนะชิม่าเป็นโรงงานผลิตแก็สพิษให้กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นไว้ใช้ทำสงครามแถวภูมิภาคจีนกับแมนจูเรีย จึงเชื่อว่ากระต่ายเหล่านี้คือกระต่ายที่ไว้ใช้ในการทดลอง พอโรงงานปิดตัวลง กระต่ายก็หลุดออกมา

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้แน่ว่าที่มาของกระต่ายเหล่านี้มาจากไหน แต่กระต่ายก็เป็นตัวดึงดูดสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามอย่างไม่ขาดสาย
จากที่กล่าวมาว่าเกาะโอคุโนะชิม่าเคยเป็นโรงงานผลิตแก็สพิษ ทำให้ปัจจุบันยังมีซากหลงเหลือของสิ่งก่อสร้างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้เห็นอยู่ทั่วเกาะ เช่น บังเกอร์, แท่นวางปืนใหญ่, ห้องเก็บถังแก็สพิษ เป็นต้น

เนื่องจากเกาะโอคุโนะชิม่าเป็นเกาะเล็กๆ แต่มีที่ตั้งไม่ไกลจากเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) ซึ่งเคยถูกระเบิดปรมณูทำลาย เพราะเป็นจุดสำคัญทางทหาร ทำให้บริเวณนี้จึงเป็นแหล่งสำคัญสำหรับคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลก รวมถึงตัวผมเองด้วย

การได้เดินสำรวจรอบเกาะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำมาก โดยเราสามารถเช่าจักรยานได้ แต่ผมเลือกเดินเรื่อยๆ เผื่อเจออะไรดีๆจะได้หยุดดู

เส้นทางเดินรอบเกาะค่อนข้างสะดวก เป็นถนนราดยางอย่างดี มีบางส่วนนอกเส้นทางที่ต้องเดินลุยเข้าไปในป่า
โกดังเก็บแก๊สพิษริมทะเล
การเดินรอบเกาะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินๆหยุดๆแบบผม 2 ชั่วโมงอย่างต่ำ แล้วขอบอกเลยถ้าใครจะเดินตามแผนผม เตรียมใจกับอากาศร้อนเลย เพราะผมเดินตอนเที่ยง อากาศร้อนพอๆกับเมืองไทย ทะเลก็เป็นทะเลปิด ไม่ค่อยมีลมพัด
ยิ่งเดินลึกเข้าไปในเกาะ จะเจอเศษซากมากขึ้น การที่เป็นพื้นที่ทหารเลยต้องสร้างเพื่อหลบการถ่ายภาพทางอากาศจากข้าศึก ทำให้สิ่งก่อสร้างต่างๆต้องซ่อนในป่าลึก

ใครที่เดินๆอยู่กลัวเหงา บรรยากาศวังเวง ไม่ต้องห่วง.....เหงาแน่ 5555

เพราะส่วนป่าลึกจะไม่ค่อยมีใครเข้ามา คนส่วนใหญ่ถูกกระต่ายหน้าโรงแรมดูดไปหมดแล้ว
ผมถือว่าการเดินรอบเกาะนี้ให้ความรู้สึก "แปลกแต่สมดุล" หมายความว่าอะไร

หมายความว่าเกาะนี้เป็นสถานที่สร้างอาวุธไว้สำหรับฆ่าคน อาจดูหดหู่ แต่ระหว่างที่อารมณ์เราอยู่ในความโศกเศร้า มันจะมีน้องกระต่ายน่ารักๆ โผล่ออกมาให้เราเห็นตลอด บวกกับวิวทิวทัศน์รอบๆที่สวยเลยทีเดียว จึงเกิดความรู้สึก 2 แบบในเวลาเดียวกัน 
ไฮไลท์อีกจุดของที่นี่คือโกดังร้างขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ เป็นตึกที่หลอนที่สุดในบรรดาสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดบนเกาะนี้
ผมไม่รู้ว่าเขาอนุญาตให้เดินเข้าไปข้างในโกดังหรือเปล่า แต่ป้ายก็ไม่มี หรือไม่เห็นก็ไม่รู้ 

ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากถ่ายภาพข้างในมากๆ มันคงเป็นภาพเที่ยวญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใครที่สุด ตอนนั้นผมยืนคิดอยู่หน้าโกดังคนเดียว กำลังคิดว่าจะเข้าไปอย่างไรดี เขาให้เข้าหรือเปล่า ข้างในก็ดูอันตราย หน้าต่างก็ห้อย หลังคาจะถล่มมั้ย ถ้าเขาไปแล้วเกิดมีคนจับได้

ระหว่างนั้นเองมีคนญี่ปุ่นคู่ชายหญิงกับลุงแก่ๆรวม 3 คน ดูเหมือนลุงเป็นไกด์ท้องถิ่น แกถืออัลบั้มรูปถ่ายสมัยก่อนของโกดังนี้ แล้วอธิบายเรื่องราวต่างๆ จากนั้นลุงแกพา 2 คนนั้นเดินเข้าไปในโกดังเลย
.
.
.
โอกาสมาแล้ว!
.
.
.
ผมเดินตาม 3 คนนั้นทันที เข้าไปสิ่งที่เห็นคือเศษซากวัสดุคอนกรีต, โลหะที่กระจัดกระจายเต็มพื้น และน้องกระต่าย(อีกแล้ว 555) มันเป็นสถานที่ที่คนไทยซักกี่คนจะได้มาเหยียบ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตั้งขาตั้งกล้อง เซตค่าเรียบร้อย ถ่ายจนได้ภาพที่ต้องการออกมา แม้อาจเป็นภาพที่ไม่สมบูรณ์ แต่ผมก็ไม่ผิดหวัง
Final Image
หลุดมาจากโกดังได้แบบครบ 32

จากตรงนี้ก็จะเจอท่าเรือที่เรามาลงแล้ว ก็เป็นเวลานั่งพักทานอาหารที่เตรียมมา กับเลี้ยงกระต่ายไปด้วย
พิพิธภัณฑ์แก๊สพิษ ค่าเข้า 100 เยน
เกาะโอคุโนะชิม่านอกจากจะมีกระต่าย และซากโรงงานแก๊สพิษแล้ว ก็มีวิวทะเลที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนแบบครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
สรุปการเดินรอบเกาะ ผมไปได้ไม่ทั่วจริงๆ เพราะหมดแรง, อากาศร้อน และเวลาไม่พอด้วย ทำให้มีหลายจุดที่ไม่ได้ไปดู โดยเฉพาะจุดชมวิวสวยๆบนยอดเขา ซึ่งผมขึ้นไม่ไหวจริงๆ (โง่ไปขึ้นฝั่งที่ชัน) ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาอีก

ถึงเวลาบอกลาเกาะกระต่ายแล้ว ตอนนั้นคือเวลาบ่ายสองโมงเอง ทำไมรีบกลับจัง เพราะว่าเวลาที่ใช้เดินทางมันนานไง เมื่อเช้าออกจากโรงแรมตี 5 ครึ่ง ถึงเกาะเกือบ 10 โมง

เรือเที่ยวกลับคือ 14.13น. กลับไปยังท่าเรือทาดะโนะอุมิ ทว่า.....
ปัญหาคือรถไฟเที่ยวต่อไปที่จะกลับมิฮาระคือเที่ยว 15.33น.

รอรถไฟอีกเป็นชั่วโมง!

จะให้ไปไหนได้ เลยเดินไปซื้อขนมที่แฟมิลี่มาร์ท มานั่งทานที่สถานีรถไฟ

ชะตาผมตอนนั้นเหมือนคนญี่ปุ่นหลายๆคน คือต้องรอรถไฟ ลักษณะสถานีรถไฟเป็นสถานีเล็กๆ แต่มีห้องอเนคประสงค์ มีโต๊ะเก้าอี้พอสมควร แต่ละคนก็จับจองเก้าอี้คนละตัว ผมโชคดีได้เก้าอี้ตรงมุมทางเดิน หลังจากทานขนมเสร็จถือโอกาสนอน.....

ได้นอนในสถานีรถไฟครั้งแรกในชีวิต แม้เป็นการหลับๆตื่นๆดูนาฬิกาบ้าง แต่ก็เป็นประสบการณ์นอนที่สถานีรถไฟญี่ปุ่นเลยนะ

การเดินทางกลับจะแตกต่างจากขามา พอนั่งรถไฟมาลงที่มิฮาระ จะไม่ต่อชินคันเซ็น เพราะว่าอย่างที่บอกแต่ต้น ชินคันเซ็นที่ผ่านสถานีมิฮาระส่วนใหญ่จะเป็น Kodama ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม.ครึ่ง ดังนั้นต้องไปสถานีใกล้ๆที่ใหญ่กว่า ซึ่งคือสถานีฟุกุยาม่า (Fukuyama) จากสถานีฟุกุยาม่า สามารถต่อชินคันเซ็น Sakura ไปยังสถานีชินโอซาก้าได้

จากมิฮาระไปฟุกุยาม่าต้องใช้รถไฟท้องถิ่นของสาย JR Sanyo Main Line จะเป็นรถไฟเก่าๆสีเหลือง ถ้าตามแผนถึงมิฮาระ 15.58น. เราจะมีเวลาแค่ 4 นาทีในการย้ายชานชาลาเพื่อขึ้นรถท้องถิ่นซึ่งจะออกเวลา 16.02น.
เดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อไปฟุกุยาม่า ผมได้จองที่นั่งชินคันเซ็น Sakura 560 ออกเวลา 17.41น. ทำให้พอมีเวลาเดินข้างในและรอบๆสถานีฟุกุยาม่า

ไม่ต้องคิดอะไรมาก สถานที่เที่ยวติดสถานีรถไฟคือปราสาทฟุกุยาม่า

ปราสาทฟุกุยาม่าเป็นแค่ปราสาทประจำเมืองฟุกุยาม่า หากใครศึกษามาดีๆ จะพบว่าหลายเมืองในแถบนี้จะมีปราสาทประจำเมือง ไม่ว่าจะเป็นฮิโรชิม่า, โอคะยาม่า, ฟุกุยาม่า รวมถึงมิฮาระก็เคยมีปราสาทด้วย (เหลือแต่ฐาน)
ได้แค่ดูรอบๆ ถ้าจะเข้าต้องเสียเงิน เลยได้แค่เก็บภาพข้างนอกยามพระอาทิตย์ตก
ชินคันเซ็น Sakura เป็นรถเร็วของ JR Kyushu มีให้บริการจากทางใต้สุดของเกาะคิวชูสุดจนถึงสถานีชินโอซาก้า

ใครมีโอกาสได้ใช้ Sakura แนะนำว่าให้จองที่นั่งไว้ด้วย เพราะชินคันเซ็น Series N700 ของ JR Kyushu เขาจะมีที่นั่ง 3 แบบ แบ่งตาม Non-Reserved, Reserved และ Green Car โดยที่นั่ง Reserved จะกว้างกว่า Non-Reserved แล้วแบ่งเป็น 2-2 เหมือนกับ Green Car เลย
การเดินทางจากฟุกุยาม่าไปชินโอซาก้าใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
สำหรับวันนี้ก็อาจจะจบเร็วหน่อย เพราะเป็นคืนสุดท้ายแล้ว เหนื่อยมาทั้งวัน แถมต้องแพคกระเป๋าพร้อมออกจากโรงแรมตอนเช้าของวันพรุ่งนี้

แผนที่เส้นทางการเดินทางโดยประมาณ 
สีแดงคือเส้นทางการเดินทางขาไปด้วยชินคันเซ็น 
สีน้ำเงินคือเส้นทางขากลับด้วย JR Sanyo Main Line

สำหรับวันที่ 7 ชมปราสาทที่งดงามจะมาเร็วๆนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น