วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเอง วันที่ 5 วันเก็บตก

*บทความนี้เล่าถึงประสบการณ์ที่ไปเที่ยวเมื่อปี 2552

อ่านวันที่ 1 วันอันวุ่นวาย
เหตุที่ตั้งชื่อว่าวันเก็บตกเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ โดยวันนี้ผมมีแผนที่จะไปทั้ง 2ส่วนคือดิสนีย์แลนด์พาร์ค ตอนเช้า กับแคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ตอนบ่าย ซึ่งผมจะเล่นเครื่องเล่นที่ผมชอบกับเครื่องเล่นที่ปิดซ่อมใน 2วันแรกที่เรามา

ตอนเช้าเราก็ทานอาหารเช้าในห้องที่ซื้อจากเซเว่นเหมือนเดิม พอทานเสร็จเราก็เดินไปทางเข้าดิสนีย์แลนด์แล้วเข้าดิสนีย์แลนด์พาร์คตอนมันเปิดเหมือนวันแรก แต่วันนี้เราจะไม่เดินทุกจุด เราเลยจะนั่งรถไฟที่วิ่งรอบสวนสนุกที่สถานี Main Street U.S.A. เพื่อไปยังสถานี New Orleans Square เราก็เดินเล่นแถวๆนั้น โดยมุ่งหน้าไปทางปราสาทเจ้าหญิงนิทราเพื่อไปถ่ายรูปครอบครัว 
จากนั้นก็เดินไปเล่นเครื่องเล่นที่อยู่ใกล้ๆกันอย่าง Finding Nemo Submarine Voyage เป็นเรือดำน้ำที่พาเราเข้าถ้ำใต้น้ำแล้วมีตัวการ์ตูนจากเรื่อง Finding Nemo ฉายเป็นเรื่องราวตามจุดต่างๆ พอเสร็จจากอันนี้แล้วเราก็ไปเล่นรถไฟเหอะที่อยู่ใกล้ๆกันคือ Matterhorn Bobsleds เป็นรถไฟเหอะที่เก่าแก่ โดยตัวรถจะนั่งได้ 2หรือ3คน จะแล่นไปตามถ้ำในภูเขาแถมมีลงไปในน้ำนิดนึง ภูเขาลูกนี้แหละที่มีตำนานเล่าว่าบนยอดเขาภายในมีสนามบาสเก็ตบอลด้วย หลังจากเล่นเสร็จเราก็ไปเล่นในสิ่งที่อยากเล่นอีกตือเราไปเล่น Star Tours กัน เนื่องจากผมเป็นแฟนสตาร์วอส์เลยชื่นชอบเป็นพิเศษ แต่ครั้งนี้แถวยาวกว่าวันแรกที่เรามาจนต้องเปิดอีกห้องไว้ต่อคิวเลยทีเดียว เล่นเสร็จที่ทางออกเค้าจะมีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับสตาร์วอส์ผมก็อยากซื้อหลายอย่าง แต่พอเทียบเป็นเงินไทยของแต่ละอย่างถือว่าแพงมาก ผมก็ได้แค่ซื้อตุ๊กตาพวงกุญแจมาตัวนึง(ที่ตอนนี้หายไปไหนไม่รู้) เริ่มบ่ายๆผมก็จะไปเล่นเครื่องเล่นที่ชอบอันสุดท้ายคือ Indiana Jones Adventure Temple of the Forbidden Eye เราก็ไปขึ้นรถไฟที่สถานี Tomorrowland เพื่อกลับไปยังสถานี New Orleans Square (สาเหตุที่ต้องกลับไปเพราะตอนที่เรามาก่อนหน้านี้มันเสียอยู่ ) ระหว่างทางในรถไฟเค้าก็มีบรรยายตลอดเส้นทาง มีอะไรให้ดูนิดหน่อย 
พอผ่าน Main Street U.S.A. ผมเห็นเค้าปิดทางเดินเตรียมที่จะมีพาเหรด แต่มาที่นี่ผมไม่ได้ดูพาเหรดนะ พอมาถึงที่ New Orleans Square เราไม่ใช้ Fastpass เพราะเราใช้ไปแล้วกับ Star Tours ซึ่งมันจะมีเว้นช่วงไม่ให้ใช้หลังจากที่ใช้ไปแล้ว 1ชั่วโมง เราจึงต้องต่อคิวอันยาวเหยียดรอประมาณชั่วโมงนึงกว่าจะได้ขึ้น ครั้งนี้ถูกใจผมหน่อยคือผมได้อยู่ตรงที่นั่งคนขับได้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบเหมือนเราขับรถจริงๆ 

ผมสนุกกับที่นี่มากแต่เราไม่มีเวลามากเพราะเลยเวลาตามแผน เราต้องเปลี่ยนไปอีกส่วนที่แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ในช่วงบ่าย

เราออกไปหาอะไรทานข้างนอกดิสนีย์แลนด์ก็เจอร้าน Denny's แบบเดียวที่เราทานในคืนแรก ผมก็สั่งปกติแบบที่ีสั่งในคืนแรกก็มีเพิ่มเติมบ้าง แต่ครั้งนี้พ่อผมให้ผมเป็นคนสั่งเอง โดยปกติก่อนหน้านี้พ่อเป็นคนสั่งให้ตลอดเพราะผมไม่มั่นใจในภาษาแบบอเมริกัน ผมก็พูดๆตามเมนูพนักงานเป็นผู้หญิงเอเชียมีอายุนิดนึงก็ไม่ได้ถามอะไร เค้าแทบไม่พูดด้วยซ้ำ สั่งเสร็จพอตอนเสิร์ฟผมแอบงงนิดนึงคือผมสั่งโกโก้เย็นและคนอื่นก็ไม่ได้สั่งน้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มแต่ผมได้น้ำเปล่าแก้วนึงแถมมาพร้อมโกโก้ ผมก็มองว่าก็ดีปากจะได้ไม่หนืดมาก และที่น่าสังเกตคือพนักงานที่เสริฟอาหารโต๊ะเราเป็นคนนี้คนเดียว เหมือนร้านจัดระบบให้มีพนักงานประจำโต๊ะรึเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมมีความรู้สึกว่าเหมือนได้รับบริการเป็นพิเศษต่างจากที่ร้านในคืนแรก แล้วชุดที่เค้าใส่ก็ต่างจากพนักงานเสิร์ฟคนอื่นๆอาจเป็นหัวหน้ารึเปล่าไม่รู้ เฉลยของสิ่งที่ผมสงสัยและรู้สึกแปลกๆทุกอย่างก็ปรากฏในใบเสร็จว่าพนักงานเสริฟคนนี้เป็นคนไทยจากชื่อที่มีในใบเสร็จ(ขอไม่บอกชื่อแล้วกัน)เขาคงรู้ว่าเราเป็นคนไทยจากการที่เราคุยกันด้วยภาษาไทยตั้งแต่เข้าร้าน ตอนรู้นั้นพนักงานท่านนี้ไปทอนเงินอยู่ แม่ผมไปห้องน้ำ พอพนักงานท่านนี้กลับมาที่โต๊ะแม่ผมเจอแล้วทักเป็นภาษาไทยเลยว่าเป็นคนไทยใช่มั้ย (ผมแอบคิดตลกกับน้องว่าถ้าเขาไม่ใช่จะเป็นอย่างไงต่อเนี่ย) สุดท้ายพนักงานท่านนี้ก็บอกว่าที่เขาพยายามไม่พูดไทยเพราะเค้าเคยเสิร์ฟลูกค้าคนไทยเหมือนกัน พูดคุยเป็นภาษาไทยจนหัวหน้าเค้าเห็นแล้วไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะภาษาไทยฝรั่งฟังไม่รู้เรื่องแล้วเค้ากลัวจะบริการคนไทยเป็นพิเศษ เค้าจึงไม่ให้พูดภาษาไทย จริงๆแล้วเรามาอยู่ที่นี่หลายวันก็เราเจอคนไทยหลายคนที่ดิสนีย์แลนด์ และขอบอกเลยว่ามาอยู่ประเทศไกลๆอย่างสหรัฐอเมริกา คนไทยเป็นสิ่งที่เจอง่ายมากทุกที่

หลังจากทานเสร็จนั้นเราก็เข้าไปในส่วนแคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ บอกเลยว่าเราไม่ได้เล่นอะไรมาก มัวแต่เดินเล่นเข้าร้านขายของที่ระลึกมากกว่า เราก็เข้าไปดูหนัง 3มิติคือ Muppet*Vision 3D ภายในตกแต่งได้สวยดี มันจะมีห้องที่ไว้รอขณะรอบก่อนหน้านี้กำลังฉายอยู่ ในห้องนี้จะมีทีวีที่ฉายละครสั้นๆของตัวละครในเรื่อง The Muppets ทำให้แก้เบื่อได้ พอเข้าไปอยู่ในโรงก็เหมือนโรงหนังทั่วไปต่างที่ด้านบนข้างๆจะมีหุ่นยนต์คนแก่ 2คนที่จะโผล่ออกมาตอนเริ่มหนังและมีการใส่แว่น 3มิติเหมือนกับมาดูหนังด้วย ที่น่าตกใจคือตอนสุดท้ายมีปืนใหญ่ออกมาจากห้องฉายหนังแล้วยิงเป็นอันจบรอบ
ป้ายหน้าโรงหนัง
พอถึงตอนนี้ก็เป็นช่วงเย็นแล้วผมก็จะจบการเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ด้วยการไปเล่นเครื่องเล่นที่ชอบที่สุดคือรถไฟเหอะ California Screamin' เป็นอย่างสุดท้าย ครั้งนี้ดีหน่อยคือผมเล่นกับพ่อและน้อง แล้วเรา 3คนได้นั่งในรถแบบ 3ที่นั่ง ทำให้มีรูปถ่ายบนรถไฟเหอะแบบมีพวกเรา 3คนโดยไม่มีคนอื่นในรูป จบจากการเล่นแล้วเราก็ไปที่ร้านขายของที่ระลึกโดยผมก็ไปซื้อ Lollipop มาอันนึงราคา 4เหรียญกว่าๆ ปัจจุบันยังไม่ได้แกะกินเลย แล้วก็ไปร้านขายของที่ระลึกแถวๆทางเข้าเพื่อนำบัตรที่ใช้สำหรับบริการในดิสนีย์แลนด์ไปให้เขาส่งรูปที่เราถ่ายภาพครอบครัวโดยช่างภาพตามจุดต่างๆ ที่เขาถ่ายให้แล้วเอาบัตรนี้ไปรูดเก็บภาพเข้าระบบ เป็นบริการที่เรียกว่า Disney Photopass สะดวกสำหรับการถ่ายภาพหมู่ และเป็นของที่ระลึกที่ดีที่สุด
ตัวอย่างภาพจาก Disney Photopass ซึ่งเราสามารถแต่งได้ และภาพจะมีลิขสิทธิ์ทุกภาพ
3วันที่ดิสนีย์แลนด์ผมมีความสุขมาก รู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่อยากเล่นไปทุกอย่าง อยู่ที่นี่ทุกคนแม้แต่ผู้ใหญ่ก็เหมือนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง คนที่ไม่เคยมาดิสนีย์แลนด์ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามควรมาลองซักครั้งในชีวิต จบวันที่ 5 วันสุดท้ายที่เราได้เที่ยวดิสนีย์แลนด์

อ่านวันที่ 6 เที่ยว Universal Studios

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น