วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

Novotel Modus Resort Pattaya

หมายเหตุ: ช่วงเวลาที่ทำรีวิว โรงแรมชื่อ Centara Grand Modus Resort Pattaya

โรงแรมโนโวเทล โมดัส รีสอร์ท พัทยา (Novotel Modus Resort Pattaya) นี้เป็นโรงแรมในเครือ Novotel โรงแรมระดับ 4 ดาวมีบริการที่ครบครัน สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องที่มากมาย และโรงแรมติดชายหาด

โรงแรมจะมีธีมออกแนว Vintage จากการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์, ของตกแต่งเก่าๆ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

ที่ตั้งโรงแรมอยู่ที่หาดนาเกลือ พัทยาเหนือ  ติดกับปราสาทสัจธรรม ใครเดินทางมาก็หาป้ายปราสาทสัจธรรมเลยง่ายดี

ภายในบริเวณ Lobby
โต๊ะ Reception
เมื่อมา Check In พนักงานก็เสริฟน้ำพร้อมผ้าเย็น 
เพดาน Lobby

รอบๆโรงแรม
วิวตรงข้างลิฟท์จะเห็นทะเล
ฝั่งขวาจะเป็นห้อง Superior
ลิฟท์เป็นลิฟท์แก้ว
กำแพงของคลับสำหรับเด็ก
ห้องพัก (Superior)
ห้องมีแบบทั้งเตียงเดี่ยว และเตียงคู่
มีผลไม้ให้ทุกวัน

มินิบาร์ และโต๊ะทำงาน
มีทั้งน้ำเปล่า กาแฟ ไวน์ พร้อมแก้วครบ
นาฬิกาปลุกในห้องมีที่ชาร์ตไอโฟนด้วย
ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าสำหรับ 2 คน
ฝักบัวมี 2 แบบให้เลือก
สำหรับห้องซูพิเรียจะไม่มีหน้าต่างให้ เป็นแค่ฉากรูปต้นไม้แทน เพราะหน้าต่างจะหันไปทางตัวตึกฝั่ง Lobby, ห้องอาหาร

ภายนอก
ห้องที่มีวิวทะเลส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Deluxe ขึ้นไป
ทางเดินไปยังสระว่ายน้ำ, ชายหาด (แต่ในรูปหันไปอีกฝั่งนึง)
สระว่ายน้ำมีเก้าอี้อยู่บนสระเลย
สระแช่น้ำริมหาด มีทั้ง Jacuzzi และ Pool Bar
ห้อง Fitness หันไปยังทะเล
หาดหน้าโรงแรมไม่ใหญ่มาก ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
เราสามารถเล่นน้ำได้เฉพาะบริเวณที่กั้นเอาไว้
โรงแรมมีบริการเรือคายัคฟรี เอาไว้พายบริเวณที่กั้นเอาไว้เท่านั้น
ขออภัยที่ไม่มีภาพห้องอาหารเพราะเราไม่ได้ทานอาหารของโรงแรมเลย
พนักงานบอกว่าอาหารเช้าของโรงแรม 650 บาทต่อคน

สรุปภาพรวม (ตามความคิดเห็นของทีมงาน)

สถานที่ตั้ง

 อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองพัทยา และติดทะเล แต่ซอยทางเข้าแคบไปนิดนึง

8/10

พื้นที่ใช้สอย

ห้องพักกว้าง อยู่ 2 คนสบาย
แต่พื้นที่โรงแรมมีไม่มากเท่าไหร่

8.5/10

บรรยากาศ และ ทัศนียภาพ

ตกแต่งมีธีมชัดเจน แต่ถ้าอยู่นานๆอาจรู้สึกอึดอัด เพราะโรงแรมเล็ก แคบ และห้อง Superior หน้าต่างมีฉากปิดไว้

7/10

สิ่งอำนวยความสะดวก

ห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้มาก เป็นที่น่าพอใจ
แต่บางจุดสัญญาณโทรศัพท์ไม่มี, Wifi ฟรีใช้ได้ดี 

9/10

อาหาร และ ภัตตาคาร

เนื่องจากผมไม่ได้ทานอาหารที่โรงแรม เลยไม่มีคะแนนส่วนนี้

- /10

บริการ และ กิจกรรม

พนักงานมีความใสใจ มีสระว่ายน้ำ, Fitness, พายเรือคายัก, Spa, ห้องสำหรับเด็ก

8.5/10

สรุป

8.2/10
เป็นโรงแรมที่ใหม่ สะอาด ไม่ถึงกับเป็นส่วนตัวมาก มีความหรูหราพอสมควร ราคาไม่แพงเกินไป 

แผนที่ที่ตั้งโรงแรม

ที่ตั้ง: 381 หมู่ 5 ซ.นาเกลือ 12, ถ.พัทยา-นาเกลือ, บางละมุง, พัทยา 20150
โทร: 033-007-888
Website: http://www.modusresort.com/

กลับไปยังหน้า Hotel Review

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

Photoshop Tip 3 : การลด Noise ด้วย Camera Raw

สำหรับมือใหม่ ก่อนอื่นเรามารู้จัก Noise กันก่อนว่าคืออะไร

Noise หรือ Grain คล้ายๆเป็นคลื่นสัญญาณที่มารบกวนภาพ ทำให้กล้องไม่สามารถประมวลผลได้อย่างสม่ำเสมอ จึงเกิดเป็นจุดอยู่ทั่วบริเวณของภาพ

คำถาม: Noise เกิดได้อย่างไร
คำตอบ: เกิดได้หลายสาเหตุมาก ที่เด่นคือเกิดจากการดันค่าความไวแสง (ISO) ที่มากๆ เพราะค่า ISO เราจะดันก็ต่อเมื่ออยู่ในที่มืดหรือแสงน้อย ยิ่งดัน ISO มากภาพจะสว่างมากขึ้น แต่ต้องแลกกับการได้ Noise มากเช่นกัน (คล้ายเวลาเราเพิ่มเสียงไมโครโฟน เสียงจะดังขึ้นแต่เสียงก็จะแตกซ่า) แต่ปัจจัยอย่างอื่นก็มีผลเช่นอุณหภูมิสูง หรือความเร็วชัตเตอร์ต่ำ

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ISO ได้ที่นี่

เทียบให้ดูว่า ISO ที่สูงขึ้นให้ Noise ที่มากขึ้น

คำถาม: ทำไมดัน ISO เท่ากันแต่ Noise ที่เกิดในกล้องคนละตัวไม่เท่ากัน
คำตอบ: มีหลายเหตุผล แต่ประเด็นง่ายๆคือ กล้องรุ่นใหม่เค้าต้องพัฒนาเซนเซอร์ และระบบประมวลผลให้เกิด Noise น้อยกว่ากล้องรุ่นเก่าอยู่แล้ว ในกล้องดิจิตัลรุ่นเก่าๆแค่ดัน ISO ที่ 200 Noise ก็กระจายแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งอยู่ที่ขนาดเซนเซอร์ของกล้องด้วย ยิ่งเซนเซอร์ขนาดใหญ่ Noise ยิ่งเกิดน้อย เช่นกล้อง Full Frame อย่าง Canon 5D Mark III ดัน ISO ที่ 6400 Noise ยังไม่ทำให้ภาพเสียรายระเอียดเท่าไหร่เลย

Noise แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
1. Luminance Noise คือ Noise ที่เกี่ยวกับแสงและความสว่างของ Pixels ทำให้ภาพดูขุ่นๆเหมือนมีฝุ่นอยู่รอบๆ จะเห็นผลในที่มืด
2. Color Noise คือ Noise ที่เกี่ยวกับสีที่อยู่ในแต่ละ Channel ทำให้ภาพเหมือนมีสีอื่นปนมาแบบผิดธรรมชาติ เห็นผลในที่สว่างมากกว่ามืด

วิธีการลด Noise ทำได้หลายวิธีมากแล้วแต่ความถนัดแต่ละคนเลย

วิธีที่จะมาแนะนำมีดังนี้
1. แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ - ดัน ISO ให้น้อยสุดเท่าที่ทำได้ ถ้าอยู่ในที่มืดเพิ่ม Speed Shutter โดยใช้ขาตั้งกล้องช่วย หรืออาจใช้ Flash เพิ่มความสว่างได้ แต่ก็ต้องระวังอย่าให้กล้องร้อนจนเกินไป
2. แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ - ใช้โปรแกรมตกแต่งภาพเข้าช่วย ในที่นี้จะสอนแบบง่ายที่สุดแค่ใน Camera Raw เท่านั้น

การลด Noise ด้วย Camera Raw
ขั้นที่ 1 เลือกรูปที่ต้องแต่ง เปิดด้วยโปรแกรม Camera Raw
ขั้นที่ 2 ขยายรูปให้เป็น 100% หรือมากกว่า เพื่อให้เห็น Noise ชัดเจนยิ่งขึ้น แล้วเลือกไปที่ Detail (ตามลูกศร)




ขั้นที่ 3 กำจัด Color Noise (ถ้ามี) โดยการเลื่อนแถบ Color จน Color Noise หายไปหมด 

ถ้าขี้เกียจมากก็เลื่อนจนสุดเลยก็ได้ เพราะถ้า Color Noise หายไปหมดแล้ว พอเลื่อนไปอีกมันก็ไม่มีผล




ขั้นที่ 4 กำจัด Luminance Noise โดยเลื่อนแถบ Luminance จน Luminance Noise ลดลง



Luminance จะต่างกับ Color ตรงที่มันจะทำให้ Noise เบลอมากขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรระวังคืออย่าเลื่อน Luminance มากเกินไป เพราะจะทำให้ภาพเบลอ และเสียรายละเอียดหมด
นี้คือภาพที่ออกมาเมื่อเลื่อน Luminance จนสุด จะเห็นว่าภาพเบลอมาก
Final Image

เปรียบเทียบให้ดูก่อนและหลัง

กลับไปยังหน้า Photo Tips

เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองวันที่ 9 บ๊าย บาย อเมริกา

*บทความนี้เล่าถึงประสบการณ์ที่ไปเที่ยวเมื่อปี 2552

อ่านวันที่ 1 วันอันวุ่นวาย
อ่านวันที่ 2 เที่ยว Disneyland 
อ่านวันที่ 3 เที่ยว California Adventure
อ่านวันที่ 4 เที่ยว SeaWorld
อ่านวันที่ 5 วันเก็บตก
อ่านวันที่ 6 เที่ยว Universal Studio
อ่านวันที่ 7 มุ่งหน้าสู่ชายหาด
อ่านวันที่ 8 ป้ายหน้า Hollywood

วันที่ 9
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ที่อเมริกาแล้ว เครื่องบินเราออกตอนกลางคืน ฉะนั้นเรายังมีเวลาทั้งวัน แผนของวันนี้คือไปช้อปปิ้งที่ห้าง Citadel Outlets แต่ก่อนไปตอนเช้าผมออกไปปั่นจักรยานของโรงแรมเพื่อไปที่ชายหาดใกล้ๆคือหาด Venice ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของแอลเอ เรามี 4 คนแต่จักรยานมีแค่คันเดียวผมก็ต้องปั่นไปหยุดไป แรกๆปั่นไม่เป็นเพราะจักรยานไม่มีเบรคที่มือจับ ต้องถีบกลับถึงจะเบรคแถมออกจากโรงแรมปุ๊บก็ต้องปั่นขึ้นเนินเลยเดินลากเอาง่ายกว่า

เดินไม่ไกลก็ถึงหาดแล้ว วันนี้ฟ้าดีคนเยอะลมแรง เราเดินไปที่สะพานที่ยื่นออกทะเลเพื่อไปกินลมชมวิวที่สวยงามของชายหาด กลางทะเลผมเห็นคนอเมริกันเล่นโต้คลื่นกันเยอะมาก แต่ดูแต่ละคนโต้ไปได้แค่นิดเดียวเพราะคลื่นไม่สูงมาก


เมื่อชมวิวจนพอใจแล้วผมอยากปั่นจักรยานไปตามชายหาดเรื่อยๆแต่เราไม่มีจักรยานพอ แม่กับน้องเลยกลับไปรอที่โรงแรม ส่วนพ่อก็เช่าจักรยานที่นั้นไปกับผมด้วย ที่นี่เค้ามีเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะเราจึงปั่นได้สบาย ระหว่างทางก็มีบรรยากาศสวยๆรอบทางไปหมด ร้านค้าริมหาดเค้าตกแต่งเป็นสไตล์คล้ายกัน ดูแล้วเพลินดี ผมก็ได้เห็นเครื่องบินที่มีป้ายประกาศติดอยู่ท้ายเครื่องบินผ่านแบบที่เคยเห็นในทีวี วันนี้คนเยอะมากเพราะเป็นวันอีสเตอร์ ชายหาดเลยคึกคักเป็นพิเศษ
ปั่นไปเรื่อยๆประมาณ 20 นาทีผมก็มาถึง Santa Monica Pier ที่เคยมาเมื่อวันก่อน
พอมาถึงแล้วผมก็คิดว่าเรามาไกลแล้ว จึงปั่นกลับโรงแรม
ไปถึงโรงแรมเราก็เช็คเอ้าท์ทันทีและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน เราขอให้โรงแรมหาสายรถประจำทางที่จะไป Citadel Outlets โรงแรมก็ให้สายอะไรมาผมจำไม่ได้จริงๆ เราใช้เวลาอยู่นานซักพักนึงในการเดินทาง ซึ่งพอถึงป้ายที่โรงแรมบอกให้มาลง อะไรกันเนี้ย! เรามาอยู่ที่ไหน ไม่เห็นมีวี่แววห้างอะไรเลย เราไม่มีภาพมาให้เพราะตอนนั้นสับสนวุ่นวายมาก ตลอดทริปที่ผ่านมา วันสุดท้ายนี้เป็นวันแรกที่เราหลงทาง คือผมไม่รู้เรามาโผล่ที่ไหนจริงๆทุกวันนี้ยังหาในแผนที่ไม่เจอเลย รู้สึกจะอยู่ที่ดาวน์เทาน์ของแอลเอจากที่ถามตำรวจตอนนั้นไม่แน่ใจ สิ่งที่เราเห็นรอบตัวคือตึกสูงแต่เก่ามาก เป็นย่านคนจนก็ว่าได้ เดินไปเห็นคนจรจัดเดินอยู่เต็มไปหมด พวกเข็นรถเข็นเก็บขยะก็มี คนคุ้ยขยะกินก็เห็นต่อหน้าต่อตา เดินในซอยก็มีหญิงแก่ร้องอะไรก็ไม่รู้ตอนเดินผ่าน คือไม่ไหวอะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ ทั้งอันตรายและสกปรกมาก เราพยายามเดินไม่ไกลจากถนนใหญ่มาก ก็แวะดูร้าน Outlet แถวนั้นแต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไร เราไปทาน KFC ซึ่งเป็นร้านเก่าๆ เมนูต่างกับเมืองไทยมาก มีให้เลือกน้อย ค่อนข้างผิดหวัง เราทานเสร็จก็ไม่อยู่ที่นี่นาน ก็นั่งรถประจำทางกลับทางเดิมที่มา คือเราไม่เสี่ยงหา Citadel Outlets ต่อเพราะคิดว่าโรงแรมให้สายรถมาผิดแต่แรกแล้ว แผนที่เราก็ไม่มี (อย่าคิดว่าหาด้วยมือถือเลยเพราะนี่คือเรื่องราวในปี 2552 สมาร์ทโฟนยังไม่ดัง) ถ้าเราเสี่ยงเราอาจไปสนามบินไม่ทัน

ยังโชคดีที่เรากลับมาโรงแรมได้อย่างไม่มีปัญหา จากนั้นก็ขนกระเป๋าขึ้นแท็กซี่ไปสนามบินทันที แท็กซี่สภาพดีกว่าวันก่อนมาก นั่งแป๊ปเดียวก็ถึงสนามบินเพราะอยู่ไม่ไกลมาก ไปที่เค้าน์เตอร์การบินไทยก็เช็คอิน,โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ผมก็นั่งทานแมคโดนัลเป็นมื้อสุดท้ายที่อเมริกา ต่างกับ KFC ที่เมนูเหมือนกับที่ไทยมาก ก่อนขึ้นเครื่องก็มีบางอย่างให้ผมอึ้งนิดนึงคือตู้หยอดเหรียญที่ขาย PSP, IPod อะไรพวกนี้ (ผมเกิดมาเพิ่งเคยเห็น) ก็ไม่มีอะไรมากแล้ว เราใช้เวลากลับประมาณ 18 ชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพในตอนเช้าของอีก 2 วัน ซึ่งการเดินทางนานกว่าขามาถึง 4 ชั่วโมง ผมว่าเป็นการนั่งเครื่องการบินไทยที่นานที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะปัจจุบันเค้ายกเลิกเส้นทางบินตรงแล้ว 

หลายวันที่ผ่านมาผมได้ประสบการณ์มากมายที่อเมริกา ได้รู้จักวัฒนธรรมที่แตกต่าง ความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนกัน และผมยังสามารถนำประสบการณ์มาแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ เค้าว่ากันว่าการไปเที่ยวถ้าไม่ได้ประสบการณ์กลับมา การเดินทางนั้นจะไม่เรียกว่าการไปเที่ยวเลย 
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด และถ้ามีประสบการณ์จากประเทศอะไรอีกจะนำมาฝากนะครับ :)

กลับสู่หน้า เที่ยวต่างประเทศ