วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองวันที่ 9 บ๊าย บาย อเมริกา

*บทความนี้เล่าถึงประสบการณ์ที่ไปเที่ยวเมื่อปี 2552

อ่านวันที่ 1 วันอันวุ่นวาย
อ่านวันที่ 2 เที่ยว Disneyland 
อ่านวันที่ 3 เที่ยว California Adventure
อ่านวันที่ 4 เที่ยว SeaWorld
อ่านวันที่ 5 วันเก็บตก
อ่านวันที่ 6 เที่ยว Universal Studio
อ่านวันที่ 7 มุ่งหน้าสู่ชายหาด
อ่านวันที่ 8 ป้ายหน้า Hollywood

วันที่ 9
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ที่อเมริกาแล้ว เครื่องบินเราออกตอนกลางคืน ฉะนั้นเรายังมีเวลาทั้งวัน แผนของวันนี้คือไปช้อปปิ้งที่ห้าง Citadel Outlets แต่ก่อนไปตอนเช้าผมออกไปปั่นจักรยานของโรงแรมเพื่อไปที่ชายหาดใกล้ๆคือหาด Venice ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของแอลเอ เรามี 4 คนแต่จักรยานมีแค่คันเดียวผมก็ต้องปั่นไปหยุดไป แรกๆปั่นไม่เป็นเพราะจักรยานไม่มีเบรคที่มือจับ ต้องถีบกลับถึงจะเบรคแถมออกจากโรงแรมปุ๊บก็ต้องปั่นขึ้นเนินเลยเดินลากเอาง่ายกว่า

เดินไม่ไกลก็ถึงหาดแล้ว วันนี้ฟ้าดีคนเยอะลมแรง เราเดินไปที่สะพานที่ยื่นออกทะเลเพื่อไปกินลมชมวิวที่สวยงามของชายหาด กลางทะเลผมเห็นคนอเมริกันเล่นโต้คลื่นกันเยอะมาก แต่ดูแต่ละคนโต้ไปได้แค่นิดเดียวเพราะคลื่นไม่สูงมาก


เมื่อชมวิวจนพอใจแล้วผมอยากปั่นจักรยานไปตามชายหาดเรื่อยๆแต่เราไม่มีจักรยานพอ แม่กับน้องเลยกลับไปรอที่โรงแรม ส่วนพ่อก็เช่าจักรยานที่นั้นไปกับผมด้วย ที่นี่เค้ามีเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะเราจึงปั่นได้สบาย ระหว่างทางก็มีบรรยากาศสวยๆรอบทางไปหมด ร้านค้าริมหาดเค้าตกแต่งเป็นสไตล์คล้ายกัน ดูแล้วเพลินดี ผมก็ได้เห็นเครื่องบินที่มีป้ายประกาศติดอยู่ท้ายเครื่องบินผ่านแบบที่เคยเห็นในทีวี วันนี้คนเยอะมากเพราะเป็นวันอีสเตอร์ ชายหาดเลยคึกคักเป็นพิเศษ
ปั่นไปเรื่อยๆประมาณ 20 นาทีผมก็มาถึง Santa Monica Pier ที่เคยมาเมื่อวันก่อน
พอมาถึงแล้วผมก็คิดว่าเรามาไกลแล้ว จึงปั่นกลับโรงแรม
ไปถึงโรงแรมเราก็เช็คเอ้าท์ทันทีและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน เราขอให้โรงแรมหาสายรถประจำทางที่จะไป Citadel Outlets โรงแรมก็ให้สายอะไรมาผมจำไม่ได้จริงๆ เราใช้เวลาอยู่นานซักพักนึงในการเดินทาง ซึ่งพอถึงป้ายที่โรงแรมบอกให้มาลง อะไรกันเนี้ย! เรามาอยู่ที่ไหน ไม่เห็นมีวี่แววห้างอะไรเลย เราไม่มีภาพมาให้เพราะตอนนั้นสับสนวุ่นวายมาก ตลอดทริปที่ผ่านมา วันสุดท้ายนี้เป็นวันแรกที่เราหลงทาง คือผมไม่รู้เรามาโผล่ที่ไหนจริงๆทุกวันนี้ยังหาในแผนที่ไม่เจอเลย รู้สึกจะอยู่ที่ดาวน์เทาน์ของแอลเอจากที่ถามตำรวจตอนนั้นไม่แน่ใจ สิ่งที่เราเห็นรอบตัวคือตึกสูงแต่เก่ามาก เป็นย่านคนจนก็ว่าได้ เดินไปเห็นคนจรจัดเดินอยู่เต็มไปหมด พวกเข็นรถเข็นเก็บขยะก็มี คนคุ้ยขยะกินก็เห็นต่อหน้าต่อตา เดินในซอยก็มีหญิงแก่ร้องอะไรก็ไม่รู้ตอนเดินผ่าน คือไม่ไหวอะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ ทั้งอันตรายและสกปรกมาก เราพยายามเดินไม่ไกลจากถนนใหญ่มาก ก็แวะดูร้าน Outlet แถวนั้นแต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไร เราไปทาน KFC ซึ่งเป็นร้านเก่าๆ เมนูต่างกับเมืองไทยมาก มีให้เลือกน้อย ค่อนข้างผิดหวัง เราทานเสร็จก็ไม่อยู่ที่นี่นาน ก็นั่งรถประจำทางกลับทางเดิมที่มา คือเราไม่เสี่ยงหา Citadel Outlets ต่อเพราะคิดว่าโรงแรมให้สายรถมาผิดแต่แรกแล้ว แผนที่เราก็ไม่มี (อย่าคิดว่าหาด้วยมือถือเลยเพราะนี่คือเรื่องราวในปี 2552 สมาร์ทโฟนยังไม่ดัง) ถ้าเราเสี่ยงเราอาจไปสนามบินไม่ทัน

ยังโชคดีที่เรากลับมาโรงแรมได้อย่างไม่มีปัญหา จากนั้นก็ขนกระเป๋าขึ้นแท็กซี่ไปสนามบินทันที แท็กซี่สภาพดีกว่าวันก่อนมาก นั่งแป๊ปเดียวก็ถึงสนามบินเพราะอยู่ไม่ไกลมาก ไปที่เค้าน์เตอร์การบินไทยก็เช็คอิน,โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ผมก็นั่งทานแมคโดนัลเป็นมื้อสุดท้ายที่อเมริกา ต่างกับ KFC ที่เมนูเหมือนกับที่ไทยมาก ก่อนขึ้นเครื่องก็มีบางอย่างให้ผมอึ้งนิดนึงคือตู้หยอดเหรียญที่ขาย PSP, IPod อะไรพวกนี้ (ผมเกิดมาเพิ่งเคยเห็น) ก็ไม่มีอะไรมากแล้ว เราใช้เวลากลับประมาณ 18 ชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพในตอนเช้าของอีก 2 วัน ซึ่งการเดินทางนานกว่าขามาถึง 4 ชั่วโมง ผมว่าเป็นการนั่งเครื่องการบินไทยที่นานที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะปัจจุบันเค้ายกเลิกเส้นทางบินตรงแล้ว 

หลายวันที่ผ่านมาผมได้ประสบการณ์มากมายที่อเมริกา ได้รู้จักวัฒนธรรมที่แตกต่าง ความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนกัน และผมยังสามารถนำประสบการณ์มาแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ เค้าว่ากันว่าการไปเที่ยวถ้าไม่ได้ประสบการณ์กลับมา การเดินทางนั้นจะไม่เรียกว่าการไปเที่ยวเลย 
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด และถ้ามีประสบการณ์จากประเทศอะไรอีกจะนำมาฝากนะครับ :)

กลับสู่หน้า เที่ยวต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น